Read the Beforeitsnews.com story here. Advertise at Before It's News here.
Profile image
By Center for a Stateless Society
Contributor profile | More stories
Story Views
Now:
Last hour:
Last 24 hours:
Total:

คอมมูนร่วมลงทุน

% of readers think this story is Fact. Add your two cents.


เควิน คาร์สัน. บทความต้นฉบับ: Venture Communism. 22 ธันวาคม 2014. แปลเป็นภาษาไทยโดย Kin

Dmytri Kleiner. The Telekommunist Manifesto. Network Notebook Series (Amsterdam: Institute of Network Cultures, 2010).

ไคลเนอร์เริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ทางชนชั้นด้วยแนวทางวัตถุนิยมคล้ายๆ กับมาร์กซ์

การเข้าถึงความมั่งคั่งที่เกิดจากการยึดกุมมูลค่าส่วนเกินอย่างต่อเนื่อง ทำให้นายทุนสามารถมอบโอกาสให้แก่นักนวัตกรรมรุ่นแล้วรุ่นเล่า ให้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนลำดับรองๆ ในสโมสรของตน ด้วยการขายมูลค่าการผลิตในอนาคตของสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้น แลกเปลี่ยนกับความมั่งคั่งในปัจจุบันที่จำเป็นต่อการเริ่มต้นกิจการ มูลค่าที่ถูกปล้นชิงและตายไปแล้วจากอดีตได้เข้าครอบครองมูลค่าที่ยังไม่เกิดขึ้นของอนาคต

* * *

ไม่ว่าเราจะยอมให้ผลิตภาพของเราส่วนใดถูกพรากไป ผลก็จะย้อนกลับมาในรูปของการกดขี่พวกเรากันเอง

สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เพราะการผูกขาดหน้าที่ในการทำการตลาดให้แก่คุณค่าในอนาคต (marketing future value) ประกอบกับการสร้างพื้นเทียมๆ (artificial floor) ขึ้นมารองรับต้นทุนในการริเริ่มกิจการ ผลิตภาพของกลุ่มที่มีสถานะเท่าเทียมกันซึ่งเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายและทำงานร่วมกันในแนวราบ (horizontal, networked peer groups) ถูกฉกฉวยไปโดยผู้ถือครองสิทธิในทรัพย์สินเทียม

ผู้ที่สามารถควบคุมการหมุนเวียนของผลผลิตจากแรงงานของผู้อื่น ย่อมสามารถกำหนดกฎหมายและสถาบันทางสังคมให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของตนเองได้ ส่วนผู้ที่ไม่สามารถรักษาการควบคุมผลผลิตจากแรงงานของตนเองไว้ได้ ย่อมจะไม่สามารถต่อต้านได้เช่นกัน

โธมัส ฮอดจ์สกิน โต้แย้งหลักการเรื่อง “กองทุนแรงงาน” (labor fund) ไว้อย่างหนักแน่น เขาชี้ว่าการจัดหาทรัพยากรยังชีพให้แก่แรงงานที่กำลังทำการผลิตอยู่นั้น สามารถอธิบายได้อย่างแม่นยำยิ่งกว่าในลักษณะแนวราบ คือเป็นกระบวนการที่แรงงานต่างให้เครดิตซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่อง (continual mutual advance of credit) โดยอ้างอิงจากผลผลิตในอนาคต นายทุนจึงมิใช่ผู้ที่สำรองจ่ายค่าจ้างจากกองทุนแรงงานซึ่งมาจากการ “อดออมของตนในอดีต” (past abstention) แต่เป็นผู้ที่อาศัยการยึดครองและการผูกขาดหน้าที่การให้เครดิตซึ่งกันและกันนี้ โดยชนชั้นอภิสิทธิ์ชน ด้วยความช่วยเหลือจากอำนาจรัฐ

แนวคิดที่ว่าการอดออมของนายทุน (capitalist abstention) คือแหล่งที่มาจากกองทุนแรงงานอันลึกลับ และกำไรคือผลตอบแทนจากการอดออมหรือ “ความชอบที่ยึดโยงกับระยะเวลาที่ยาวนาน” (long time-preference) ของนายทุนเองเป็นแนวคิดที่ชวนหัวเราะ เมื่อพิจารณาว่าต้นกำเนิดของการสะสมทุนหรือการรวบรวมกองทุนลงทุนขนาดมหาศาลไว้ในมือของชนชั้นมหาเศรษฐี (plutocracy) แท้จริงแล้วเกิดขึ้นผ่านการปล้นชิงมากกว่าผ่านการอดหรือการออม และสิ่งนี้ยิ่งน่าขันขึ้นไปอีกเมื่อพิจารณาว่า ธนาคารปล่อยเงินกู้โดยสร้างมันขึ้นจากอากาศ โดยแทบไม่ต้องแสร้งทำเป็นว่ามีเงินออมของใครมาค้ำประกัน

การเสื่อมสลายลงอย่างรวดเร็วรุนแรงของอุปสรรคประการหลังอันเนื่องมาจากเทคโนโลยีชั่วขณะ (ดังที่ดักลาส รัชคอฟฟ์อธิบายไว้) กำลังทำให้ความจำเป็นของเงินทุนร่วมลงทุน (venture capital) ลดน้อยลงเรื่อยๆ

เพื่อให้ชนชั้นนายทุนดำรงอยู่ได้ ตลาดจำเป็นต้องถูกบิดเบือน…ทุนนิยมต้องทำให้ราคาของทุนสูงขึ้นโดยกีดกันไม่ให้แรงงานเข้าถึงได้ ในความเป็นจริงแล้ว “ตลาดเสรี” คือสิ่งที่เจ้าของทรัพย์สินบังคับใช้กับแรงงาน…ทุนจำเป็นต้องทำให้ราคาของแรงงานต่ำพอที่จะป้องกันไม่ให้ชนชั้นแรงงานสามารถเก็บรักษารายได้ของตนให้มากพอที่จะซื้อหาทรัพย์สินเป็นของตนเอง หากแรงงานสามารถครอบครองทรัพย์สินได้

พวกเขาก็สามารถหยุดขายแรงงานของตนให้นายทุนได้เช่นกัน ซึ่งหมายความว่าทุนนิยมไม่อาจดำรงอยู่ได้ภายใต้ตลาดเสรีอย่างแท้จริง

สิ่งนี้เป็นจริงเป็นอย่างยิ่งสำหรับเศรษฐกิจเครือข่ายแบบร่วมผลิต หรือ “เพียร์ทูเพียร์” (networked, p2p economy)

ภายในเศรษฐกิจแบบเครือข่าย ทุนนิยมต้องพึ่งพารัฐในการบังคับควบคุม โดยเฉพาะการควบคุมความสัมพันธ์ผ่านช่องทางที่ได้รับอนุญาต และด้วยวิธีนี้จึงสามารถดึงคุณค่าที่มิฉะนั้นแล้วจะยังคงอยู่ในมือของผู้ผลิตออกมาได้ จุดควบคุมต่างๆ ถูกสอดแทรกเข้าไปในโครงข่ายความสัมพันธ์ทางสังคมตามธรรมชาติ…

ความสามารถของรัฐในการมอบกรรมสิทธิ์และอภิสิทธิ์ตั้งอยู่บนความสามารถในการบังคับใช้ข้อได้เปรียบเหล่านี้ ผ่านการผูกขาดการใช้ความรุนแรงที่ถือว่าชอบธรรม

ผมไม่ได้กำลังบอกว่าไคลเนอร์เป็นพวกต่อต้านการแลกเปลี่ยนอะไรทำนองนั้น เช่นเดียวกับเดวิด เกรเบอร์ เขาเปิดใจรับความเป็นไปได้ที่การแลกเปลี่ยนและตลาดบางประเภทจะมีอยู่ในฐานะองค์ประกอบหนึ่งของระบบเศรษฐกิจหลังรัฐ/หลังทุนนิยม แต่ก็เหมือนกับเกรเบอร์ เขาสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าตลาดในยุคหลังรัฐและหลังทุนนิยมดังกล่าวจะไม่ละม้ายคล้ายคลึงกับเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งถูกครอบงำโดยการผลิตสินค้าและการไกล่เกลี่ยผ่านสายสัมพันธ์กับเงินตรา

หากผู้ผลิต “ได้รับการปลดปล่อย” จากการบีบบังคับของนายทุนผู้แสวงกำไร พวกเขาก็จะผลิตเพื่อคุณค่าทางสังคม มิใช่เพื่อกำไร เช่นเดียวกับที่พวกเขาทำในชีวิตส่วนตัวและครอบครัว..ไม่ได้หมายความว่าสังคมเสรีจะปราศจากการแข่งขันหรือปราศจากการที่สมาชิกจะแสวงหาผลประโยชน์จากแรงงานของตนเอง

ความจริงแล้ว การแบ่งงานกันทำที่จำเป็นในสังคมที่ซับซ้อนย่อมทำให้การแลกเปลี่ยนและการตอบแทนซึ่งกันและกันกลายเป็นสิ่งจำเป็น อย่างไรก็ดี อุปมาเรื่อง “ตลาด” ในความหมายปัจจุบันจะไม่อาจใช้การได้อีกต่อไป

ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ไคลเนอร์เหมือนจะเสนอว่า กิจกรรมการผลิตและการจัดสรรส่วนใหญ่ในระดับย่อยๆ ที่แยกจากกันเป็นหน่วยๆ จะถูกกำกับด้วยหลักแห่งการผลิตทางสังคมเพื่อการใช้งาน (social production for use) ส่วนการแลกเปลี่ยนจะเกิดขึ้นในระดับที่สูงกว่า

โดยนิยามแล้ว “เศรษฐกิจแบบตลาด” ก็คือเศรษฐกิจสอดแนม (surveillance economy) ที่ซึ่งการมีส่วนร่วมทั้งในการผลิตและการบริโภคจำเป็นต้องถูกวัดในรายละเอียดปลีกย่อย มันคือเศรษฐกิจของนักบัญชีและยามรักษาความปลอดภัย การบัญชีของการแลกเปลี่ยนคุณค่าในรูปแบบรายการเล็กๆ และจำกัด ที่มีการตั้งราคาแยกเป็นรายธุรกรรม ต้องถูกแทนที่ด้วยรูปแบบการแลกเปลี่ยนที่ยืดหยุ่นและครอบคลุมกว่านั้น

สิ่งนี้บ่งชี้ว่าการผลิตส่วนใหญ่เพื่อตอบสนองการบริโภคในชีวิตประจำวันจะเกิดขึ้นภายในหน่วยสังคมปฐมภูมิ

ในฐานะส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวัน และการแลกเปลี่ยนจะประกอบไปด้วยสิ่งที่บาคูนินเคยจินตนาการไว้

นั่นคือ การกระจายปัจจัยการผลิตขั้นพื้นฐานไปทั่วพื้นที่กว้าง หรือการแลกเปลี่ยนผลผลิตส่วนเกินระหว่างหน่วยสังคมปฐมภูมิ

ไคลเนอร์มองว่า เทคโนโลยีการสื่อสารแบบเครือข่ายและการผลิตแบบเพียร์ทูเพียร์ (peer production) คือหนทางในการ “ต่อต้านและหลีกเลี่ยงความรุนแรง” ที่เป็นผลสืบเนื่องจากลำดับชั้นต่ำสูงที่มีอยู่เดิม ตลอดจนอภิสิทธิ์ที่ถูกบังคับใช้ในสังคม “ความสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างชุมชนข้ามชาติและข้ามถิ่นที่ตั้ง (transnational, trans-local communities) จะดำเนินไปภายในพื้นที่นอกดินแดน (extra-territorial space) ซึ่งการครอบครองกรรมสิทธิ์และอภิสิทธิ์อาจถูกแทนที่ด้วยความสัมพันธ์เชิงผลประโยชน์ร่วมกัน (mutual interest) และการเจรจา”

แม้แต่ความมั่งคั่งที่สะสมมาจากศตวรรษแห่งการเอารัดเอาเปรียบก็ไม่อาจช่วยเหลือชนชั้นนำทางเศรษฐกิจได้ หากพวกเขาไม่สามารถยึดกุมความมั่งคั่งในปัจจุบันต่อไปได้ เพราะคุณค่าของอนาคตมีมากกว่าคุณค่าของอดีตอย่างมหาศาล…วิธีการใหม่ๆ ที่เราสามารถทำงานร่วมกันและแบ่งปันข้ามพรมแดนประเทศต่างๆ มีศักยภาพที่จะท้าทายระเบียบทุนนิยม และนำไปสู่การก่อร่างสร้างสังคมใหม่

เขายังมองด้วยว่า เทคโนโลยีแห่งการปลดปล่อยเหล่านี้เป็นรากฐานของวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจแบบร่วมผลิต

ในฐานะรูปแบบการผลิตก่อนทุนนิยมแบบสมัยใหม่และไฮเทคที่ตั้งอยู่บนทรัพยากรร่วมดูแล (commons)

วิถีการผลิตที่ใช้โครงสร้างคล้ายเครือข่ายเพียร์ทูเพียร์ (peer-to-peer networks) มีความสัมพันธ์ที่ทำให้นึกถึงวิถีการเลี้ยงสัตว์แบบร่วมดูแลในอดีต (pastoral commons) นึกถึงที่ดินซึ่งเคยถูกร่วมใช้ร่วมดูแลเพื่อเลี้ยงปศุสัตว์และถูกควบคุมด้วยสิทธิ์ดั้งเดิมที่มีมาก่อนกฎหมายและรัฐสมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม ทรัพยากรร่วมดูแลสมัยใหม่ไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่เพียงแห่งเดียว หากแต่ขยายตัวครอบคลุมทั่วทั้งโลก มอบความหวังแก่สังคมว่าจะมีทางออกจากการแบ่งชนชั้นของทุนนิยม ด้วยการบ่อนทำลายตรรกะแห่งการควบคุมและการสกัดคุณค่าของมัน

เครือข่ายแบบเพียร์ เช่น อินเทอร์เน็ต รวมทั้งปัจจัยการผลิตทั้งที่เป็นวัตถุและไม่เป็นวัตถุซึ่งทำให้มันดำเนินการต่อไปได้ ล้วนทำหน้าที่เป็นทุนร่วม (common stock) ที่ผู้คนจำนวนมากสามารถใช้ได้อย่างอิสระ ซอฟต์แวร์เสรี ซึ่งการผลิตและการกระจายตัวของมันมักขึ้นอยู่กับเครือข่ายเพียร์ ก็คือทุนร่วมที่ทุกคนเข้าถึงได้…ระบบขนส่งมวลชนและการบูรณาการระหว่างประเทศได้ก่อรูปชุมชนแบบกระจายศูนย์ (distributed communities) ซึ่งยังคงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจแบบไม่เป็นทางการข้ามพรมแดน

ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างของความสัมพันธ์เชิงการผลิตรูปแบบใหม่ที่ก้าวข้ามความสัมพันธ์บนฐานกรรมสิทธิ์ในปัจจุบัน และชี้ให้เห็นศักยภาพของหนทางในอนาคต พัฒนาการของเทคโนโลยีการสื่อสาร โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของเครือข่ายเพียร์อย่างอินเทอร์เน็ต รวมถึงการคมนาคมระหว่างประเทศและการย้ายถิ่น

ได้สร้างความเป็นไปได้เชิงปฏิวัติในวงกว้าง ขณะที่ชุมชนที่กระจายตัวสามารถมีปฏิสัมพันธ์กันได้ในระดับโลกอย่างฉับพลันทันที

แต่ไคลเนอร์เตือนไว้ว่า การผลิตแบบเพียร์และการแบ่งปันสินค้าสารสนเทศอย่างเสรี รวมถึงแม้กระทั่งการออกแบบสินค้ากายภาพ จะไม่เพียงพอต่อการปลดปล่อยผู้ผลิตออกจากการสกัดค่าเช่า (rent extraction)

หากปัจจัยการผลิตและปัจจัยยังชีพทางกายภาพยังคงกระจุกตัวอยู่ในมือของชนชั้นผู้ถือค่าเช่า (rentiers) เพียงไม่กี่คน ผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนที่ประหยัดลงจากซอฟต์แวร์เสรีแบบเปิดและการออกแบบอุตสาหกรรมแบบเปิด

จะถูกช่วงชิงไปเป็นค่าเช่าโดยเจ้าของปัจจัยการผลิตทางกายภาพ ในลักษณะเดียวกับที่เจ้าที่ดินตามแนวคิดของ

ริคาร์โดเคยช่วงชิงผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นจากการผลิตเชิงอุตสาหกรรม

เขาจึงเสนอ “คอมมูนร่วมลงทุน” (venture communism) เป็นแนวทางในการจัดระเบียบฐานทางวัตถุของชีวิต รวมถึงวัตถุเพื่อชุมชนผู้ผลิตแบบเพียร์

[มันคือ]โครงสร้างที่ช่วยให้ผู้ผลิตอิสระสามารถใช้ทุนการผลิตร่วม (common stock of productive assets) ทำให้รูปแบบการผลิตที่แต่เดิมเชื่อมโยงอยู่เพียงกับการสร้างคุณค่าที่ไม่เป็นวัตถุ (immaterial value) ถูกขยายไปสู่มิติทางวัตถุได้

เช่นเดียวกับที่ระบบลิขซ้าย (copyleft) และสัญญาอนุญาตข้อมูลเสรีรูปแบบอื่นๆ ที่พลิกเอาลิขสิทธิ์มาใช้ต่อต้านตัวลิขสิทธิ์เอง คอมมูนร่วมลงทุนใช้รูปแบบของบริษัทเป็นพาหนะในการอ้างสิทธิ์ควบคุมทุนการผลิต คอมมูนนี้ถูกจัดตั้งขึ้นทางกฎหมายให้เป็นบริษัท แต่มีลักษณะเฉพาะที่เปลี่ยนให้มันกลายเป็นพาหนะที่มีประสิทธิภาพสำหรับการต่อสู้เชิงปฏิวัติของชนชั้นแรงงาน

คอมมูนร่วมลงทุนถือครองกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์เพื่อการผลิตทั้งหมดที่ประกอบเป็นทุนร่วม ซึ่งถูกใช้งานโดยเครือข่ายที่หลากหลายและกระจายตัวทางภูมิศาสตร์ของผู้ผลิตแบบเพียร์ที่ทำงานร่วมกันในลักษณะรวมหมู่และที่เป็นอิสระ คอมมูนร่วมลงทุนมิได้ทำหน้าที่ประสานการผลิตโดยตรง ชุมชนผู้ผลิตแบบเพียร์ยังคงผลิตตามความต้องการและความปรารถนาของตน บทบาทของคอมมูนคือการจัดการทุนร่วมเท่านั้น ทำให้ทรัพย์สิน เช่น ที่อยู่อาศัยและเครื่องมือที่จำเป็น พร้อมใช้งานสำหรับผู้ผลิตแบบเพียร์

คอมมูนร่วมลงทุนคือสหพันธ์ของกลุ่มแรงงานรวมหมู่ (workers’ collectives) และแรงงานรายบุคคล  สมาชิกแต่ละคนจะเป็นเจ้าของคอมมูนโดยถือหุ้นเพียงคนละหนึ่งหุ้น ในกรณีที่แรงงานทำงานอยู่ในกลุ่มหรือสหกรณ์ กรรมสิทธิ์ยังคงเป็นของแต่ละบุคคลที่ประกอบขึ้นเป็นกลุ่มหรือสหกรณ์นั้นๆ…ทรัพย์สินจึงถูกถือครองร่วมกันเสมอโดยสมาชิกทั้งหมดของคอมมูน คอมมูนร่วมลงทุนเป็นของสมาชิกทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน…

ในฐานะแพลตฟอร์มสนับสนุนกลุ่มแรงงานที่บริหารจัดการตนเอง (self-managed collectives) คอมมูนร่วมลงทุนจึงเป็นตัวอย่างหนึ่งของแบบจำลองทางเศรษฐกิจในหมวดหมู่ที่กว้างกว่าซึ่งถูกจัดระเบียบบนสถาปัตยกรรมแบบโมดูลาร์ (modular architecture)

คอมมูนร่วมลงทุนมิได้ถูกจำกัดอยู่กับสถานที่ทางกายภาพเพียงแห่งเดียวที่อาจทำให้ถูกโดดเดี่ยวและกักขังได้ โครงการเทเลคอมมูนีสเทน (Telekommunisten) ตั้งใจจะเป็นองค์กรแบบกระจายศูนย์เหมือนกับโครงสร้างเครือข่ายแบบเพียร์ทูเพียร์ โดยอาศัยการประสานงานเพียงเล็กน้อยระหว่างชุมชนผู้ผลิต-เจ้าของระดับนานาชาติ

แม้จะมีแบบจำลองเศรษฐกิจแบบเครือข่ายจำนวนมากที่ถูกจัดระเบียบบนฐานของโมดูล-แพลตฟอร์ม แต่หนึ่งในต้นแบบที่โดดเด่นที่สุดคือ “ไฟล์” (phyle) แนวคิดนี้ปรากฏเป็นครั้งแรกในนิยาย The Diamond Age ของนีล

สตีเฟนสัน ต่อมา เดวิด เดอ อูการ์เต พร้อมด้วยสหายในกลุ่มสหกรณ์ลาส อินเดียส (Las Indias Cooperative Group) ได้นำคำนี้มาใช้เรียกแบบจำลองที่เดอ อูการ์เต อภิปรายไว้ในหนังสือ Phyles: From Nations to Networks (ซึ่งมีตัวอย่างปฏิบัติจริงในไฟล์ลาส อินเดียส และกิจการในเครือ) ร่างบทที่ห้าของต้นฉบับออนไลน์เรื่อง Desktop Regulatory State ของผม สำรวจแพลตฟอร์มเศรษฐกิจเครือข่ายแบบโมดูลาร์แบบลงลึก แบบจำลองไฟล์มีความสอดคล้องเป็นพิเศษกับการอภิปรายของไคลเนอร์ว่าด้วยชุมชนวัฒนธรรมข้ามชาติในฐานะรากฐานขององค์กรเศรษฐกิจแบบเครือข่าย ทั้งไฟล์ในเรื่องแต่งของสตีเฟนสันและแบบจำลองในชีวิตจริงของเดอ อูการ์เต ต่างก็มีพื้นฐานอยู่บนการกระจายตัวทางภาษาในระดับนานาชาติ

ไคลเนอร์เสนอตัวแบบทางการเงินที่คล้ายคลึงกับการบูตสแตรป (bootstrapping) ที่อีเบนีเซอร์ ฮาเวิร์ด เคยจินตนาการไว้ในข้อเสนอเรื่อง Garden City กล่าวคือ ผู้ตั้งถิ่นฐานจะรวบรวมทรัพยากรร่วมกันเพื่อซื้อที่ดินในระยะที่ห่างไกลจากศูนย์กลางชุมชนที่มีอยู่เดิมมากเพียงพอจนที่ดินแทบจะว่างเปล่าและมีราคาถูก จากนั้นจึงจัดหาเงินทุนเพื่อบริการสาธารณะของเทศบาลด้วยการเก็บภาษีจากมูลค่าที่ดินซึ่งจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

หน้าที่ของคอมมูนร่วมลงทุนคือการได้มาซึ่งสินทรัพย์ทางวัตถุที่สมาชิกจำเป็นต้องใช้เพื่อการดำรงชีวิตและการทำงาน เช่น เครื่องจักรและเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ แล้วจัดสรรให้แก่สมาชิก…สมาชิกที่สนใจจะใช้ทรัพย์สินเหล่านี้จะทำสัญญาเช่ากับคอมมูน โดยกำหนดเงื่อนไขที่ต้องการในการครอบครองทรัพย์สินนั้นๆ คอมมูนจะออกพันธบัตร (bonds) เพื่อระดมทุนที่จำเป็นสำหรับการจัดหาทรัพย์สิน และทรัพย์สินนั้นจะถูกใช้เป็นหลักประกันสำหรับผู้ถือพันธบัตร สัญญาเช่าทำหน้าที่เป็นหลักประกันว่ากองทุนจะพร้อมสำหรับการไถ่ถอนพันธบัตร

ค่าเช่าที่เกินกว่าจำนวนที่ต้องใช้ชำระพันธบัตรจะถูกแจกจ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่สมาชิกทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งทำให้นึกถึงแบบจำลองภูมิอิสรเสรีนิยม (geolibertarian) ที่ได้รับอิทธิพลจากจอร์จิซึม (Georgism) และทฤษฎีเครดิตสังคม (social credit) ที่ใช้ภาษีจากค่าเช่าทางเศรษฐกิจเพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับบริการสาธารณะ และแจกจ่ายเป็นรายได้พื้นฐานหรือเงินปันผลของพลเมืองให้ทุกคน

แบบจำลองพื้นฐานนี้แสดงให้เห็นได้เป็นอย่างดีถึงหลักการอนาธิปไตยในภาพกว้าง ซึ่งสรุปรวบยอดไว้ในคำขวัญของกลุ่มแรงงานอุตสาหกรรมโลก (Wobblies) ที่ว่า “สร้างโครงสร้างของสังคมใหม่ภายในเปลือกของสังคมเก่า” มันเริ่มก่อรูปขึ้นในช่องว่างเล็กๆ ของระบบปัจจุบัน และด้วยการใช้ประโยชน์จากผลิตภาพที่เหนือกว่าของผู้คนเสรีที่ร่วมมือกันโดยสมัครใจ และใช้ศักยภาพของตนได้อย่างเต็มที่โดยไม่ถูกแทรกแซงจากชนชั้นผู้จัดการที่หวาดกลัวต่อความริเริ่มสร้างสรรค์ มันจึงสามารถเติบโตขึ้นจนแทนที่ระบบที่ดำรงอยู่เดิมได้

C4SS relies entirely on donations. If you want to see more translations like this, please consider supporting us. Click here to see how

The Center for a Stateless Society (www.c4ss.org) is a media center working to build awareness of the market anarchist alternative


Source: https://c4ss.org/content/60799


Before It’s News® is a community of individuals who report on what’s going on around them, from all around the world.

Anyone can join.
Anyone can contribute.
Anyone can become informed about their world.

"United We Stand" Click Here To Create Your Personal Citizen Journalist Account Today, Be Sure To Invite Your Friends.

Before It’s News® is a community of individuals who report on what’s going on around them, from all around the world. Anyone can join. Anyone can contribute. Anyone can become informed about their world. "United We Stand" Click Here To Create Your Personal Citizen Journalist Account Today, Be Sure To Invite Your Friends.


LION'S MANE PRODUCT


Try Our Lion’s Mane WHOLE MIND Nootropic Blend 60 Capsules


Mushrooms are having a moment. One fabulous fungus in particular, lion’s mane, may help improve memory, depression and anxiety symptoms. They are also an excellent source of nutrients that show promise as a therapy for dementia, and other neurodegenerative diseases. If you’re living with anxiety or depression, you may be curious about all the therapy options out there — including the natural ones.Our Lion’s Mane WHOLE MIND Nootropic Blend has been formulated to utilize the potency of Lion’s mane but also include the benefits of four other Highly Beneficial Mushrooms. Synergistically, they work together to Build your health through improving cognitive function and immunity regardless of your age. Our Nootropic not only improves your Cognitive Function and Activates your Immune System, but it benefits growth of Essential Gut Flora, further enhancing your Vitality.



Our Formula includes: Lion’s Mane Mushrooms which Increase Brain Power through nerve growth, lessen anxiety, reduce depression, and improve concentration. Its an excellent adaptogen, promotes sleep and improves immunity. Shiitake Mushrooms which Fight cancer cells and infectious disease, boost the immune system, promotes brain function, and serves as a source of B vitamins. Maitake Mushrooms which regulate blood sugar levels of diabetics, reduce hypertension and boosts the immune system. Reishi Mushrooms which Fight inflammation, liver disease, fatigue, tumor growth and cancer. They Improve skin disorders and soothes digestive problems, stomach ulcers and leaky gut syndrome. Chaga Mushrooms which have anti-aging effects, boost immune function, improve stamina and athletic performance, even act as a natural aphrodisiac, fighting diabetes and improving liver function. Try Our Lion’s Mane WHOLE MIND Nootropic Blend 60 Capsules Today. Be 100% Satisfied or Receive a Full Money Back Guarantee. Order Yours Today by Following This Link.


Report abuse

Comments

Your Comments
Question   Razz  Sad   Evil  Exclaim  Smile  Redface  Biggrin  Surprised  Eek   Confused   Cool  LOL   Mad   Twisted  Rolleyes   Wink  Idea  Arrow  Neutral  Cry   Mr. Green

MOST RECENT
Load more ...

SignUp

Login